อยากลดต้นทุนธุรกิจ ต้องทำยังไง?

โพสต์เมื่อ : 12 ก.ค. 2566

 อยากลดต้นทุนธุรกิจ ต้องทำยังไง?

  ในยุคปัจจุบัน การเริ่มต้นธุรกิจ เปิดแบรนด์ เป็นเรื่องที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ด้วยเหตุผลที่คนรุ่นใหม่ต้องการความอิสระในการทำงาน และการสร้างแบรนด์ที่มีความหมายต่อตัวเอง 

  แต่การเริ่มต้นธุรกิจใหม่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะนอกจากจะต้องบริหารคนแล้ว ยังมีเรื่องการบริหารต้นทุนที่เป็นเรื่องสำคัญที่สุด เพราะหากบริหารไม่ดี อาจทำให้กำไรของธุรกิจลดลง และไม่สามารถดำเนินงานต่อได้ 

วันนี้พี่แคชเลยจะมาพูดถึง Economy of Scale และ Economy of Scope ซึ่งเป็นสิ่งที่จะช่วยให้คุณลดต้นทุนธุรกิจได้มาฝากกันครับ 

Economy of Scale คืออะไร

  Economy of Scale หมายถึง ผลตอบแทนที่คุณได้รับจากการผลิตหรือการปฏิบัติงานเพิ่มขึ้นเมื่อมีการเพิ่มปริมาณการผลิตหรือการใช้ทรัพยากร นั่นหมายความว่าเมื่อคุณผลิตสินค้าหรือให้บริการมากขึ้น คุณจะสามารถลดต้นทุนในการผลิตหรือให้บริการได้ ซึ่งจะทำให้คุณมีผลตอบแทนมากขึ้นตามไปด้วย

เพื่อให้เข้าใจการทำงานของ Economy of Scale ได้ง่ายขึ้น เรามาดูตัวอย่างจากธุรกิจกันครับ 

  เช่น ธุรกิจผลิตรถยนต์ การผลิตรถยนต์มีต้นทุนสูงและมีการใช้ทรัพยากรมาก เมื่อมีการผลิตรถยนต์มากขึ้น ราคาต่อหน่วยจะลดลงเนื่องจากค่าต้นทุนต่อหน่วยถูกลดลง เช่น การผลิตรถยนต์ 1 ล้านคันต่อปีจะมีต้นทุนต่อรถที่ต่ำกว่าการผลิตรถยนต์ 10,000 คันต่อปี ดังนั้นธุรกิจผลิตรถยนต์จึงมีผลตอบแทนที่สูงขึ้นเมื่อมีการผลิตมากขึ้น

  ซึ่งการใช้ Economy of Scale เป็นวิธีที่เหมาะกับธุรกิจที่มีการผลิตในปริมาณมากและราคาสูง เช่น อุตสาหกรรมรถยนต์ เสื้อผ้าและอาหาร โดยจะช่วยเพิ่มกำไรของธุรกิจด้วยการขายสินค้าในราคาที่ถูกกว่าและเพิ่มผลตอบแทนของธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพนั่นเองครับ

Economy of Scope คืออะไร

  Economy of Scope หมายถึง การลดต้นทุนที่เกิดจากการผลิตหลายผลิตภัณฑ์หรือให้บริการหลายประเภทด้วยทรัพยากรเดียวกัน ใช้แรงงานคนที่มีทักษะเดิมหรือใกล้เคียงเดิมได้ ซึ่งมีจุดแตกต่างจาก Economy of Scale ที่เน้นการผลิตหรือให้บริการจำนวนมากเพื่อลดต้นทุน ซึ่งในกรณีนี้เราใช้ทรัพยากรเดียวกันแต่ผลิตภัณฑ์หรือบริการที่แตกต่างกัน

  ตัวอย่างเช่น ร้านซูชิที่ใช้ข้าวญี่ปุ่นเป็นพื้นฐานในทุกๆเมนู ซึ่งเป็นการใช้ทรัพยากรประเภทเดียวกัน ใช้แรงงานเชฟเดียวกันในการเสิร์ฟเมนูให้ลูกค้า 

  หรือเว็บไซต์ขายสินค้าออนไลน์ที่มีสินค้าหลายประเภท เช่น เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า และเครื่องประดับ การมีสินค้าหลากหลายชนิดนี้จะช่วยให้เว็บไซต์สามารถให้บริการแก่ลูกค้าที่ต้องการซื้อสินค้าหลากหลายได้ในที่เดียว โดยใช้ทรัพยากรเดียวกัน เช่น ระบบการจัดส่ง การบริการลูกค้า ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนในการดำเนินธุรกิจได้

  และนอกจากนี้ Economy of Scope ยังรวมไปถึงการแชร์ต้นทุนร่วมกันกับธุรกิจอื่นอีกด้วย เช่น การเป็นพาร์เนอร์กับธุรกิจอื่นๆที่มีลักษณะคล้ายกันและสั่งซื้อวัตถุดิบพร้อมกันเป็นล็อตใหญ่ ก็จะมีอำนาจการต่อรองราคาที่เพิ่มขึ้นนั่นเอง

Economy of Scale กับ Economy of Scope ต่างกันอย่างไร? 


  ถ้าให้สรุปโดยง่ายๆแล้ว Economy of Scale จะเป็นการเน้นการผลิตให้เยอะขึ้นเพื่อให้ต้นทุนต่อหน่วยต่ำลง เหมาะกับสินค้าที่สามารถเก็บรักษาได้ ในขณะที่ Economy of Scope จะเป็นการนำวัตถุดิบเดิมที่มีอยู่แล้ว มาใช้ผลิตสินค้าที่หลากหลายขึ้น เพื่อเพิ่มโอกาสในการขาย ซึ่งจะเป็นความคุ้มค่าในการที่สามารถใช้ต้นทุนคนและเครื่องจักรที่ลงทุนไป  

  และสำหรับใครที่เพิ่งเริ่มต้นธุรกิจ หรืออยากได้เงินสดหมุนเวียนไปต่อยอดธุรกิจสามารถนำสินทรัพย์ที่คุณมี แวะมาได้ที่ Cash Express ทุกสาขา หรือจะนำมาประเมินราคาทางออนไลน์ได้ฟรี ก็ได้เช่นกันครับ
 

 

 

 


 


 


บทความที่เกี่ยวข้อง

whatispdcacover

PDCA คืออะไร ช่วยให้ธุรกิจ SME ดีขึ้นได...

PDCA คืออะไร ช่วยให้ธุรกิจ SME ดีขึ้นได้ยังไงบ้าง?   หากคุณกำลังเจอปัญหาเดิมๆซ้ำซากแต่แก้เท่าไหร่ก็ไม่หายไปเสียที จนคุณรู้สึกทำงานไปเ ...

ดูเพิ่มเติม >
manifestationSales

เพิ่มยอดขายให้ธุรกิจด้วยเทคนิค Manifesta...

เพิ่มยอดขายให้ธุรกิจด้วยเทคนิค "Manifestation" หลักการสร้างความสำเร็จ ด้วย “ความเชื่อ”  เพื่อนๆอาจจะเคยได้ยินคำว่า & ...

ดูเพิ่มเติม >

“ทองคำ” สินทรัพย์ปลอดภัยที่ทุกพอร์ตต้องม...

เมื่อพูดถึงการลงทุน แน่นอนว่าสิ่งที่ทุกคนคาดหวังเป็นอันดับแรกๆเลยก็คือการได้รับผลตอบแทน ไม่ว่าจะเป็นในรูปของเงินปันผลหรืออัตราดอกเบี้ย ที่สามารถสร้างก ...

ดูเพิ่มเติม >