โพสต์เมื่อ : 5 ก.พ 2563
มือใหม่ ลงทุนทองแบบไหนดี?
ทองคำแท่ง?
ทองรูปพรรณ?
ออมทอง?
กองทุนทอง?
Gold Future?
“ทองคำ” เป็นโลหะมีค่าซึ่งเป็นที่นิยมในตลาดสูงมาตั้งแต่สมัยโบราณ จนมีคำกล่าวที่ว่า
“มีเงินนับเป็นน้อง มีทองนับเป็นพี่” โดยทองคำนั้นไม่เพียงแต่ใช้เพื่อเป็นเครื่องประดับหรือทรัพย์สินส่วนตัวเท่านั้น แต่ยังสามารถนำไปใช้ในการลงทุนได้อีกด้วย
วันนี้ พี่แคช เลยจะพาไปดูกันว่าทองคำสามารถนำไปลงทุนในรูปแบบไหนได้บ้าง
มือใหม่ที่อยากลงทุนไม่ควรพลาด !
1.ทองคำแท่ง
ลงทุนทองคำแท่ง มีข้อดีข้อเสียอย่างไร
ข้อดี
-ซื้อขายง่าย มีสภาพคล่องสูง
-ไม่เสียค่ากำเหน็จ และมีค่าบล็อคไม่แพง
-ราคาขายคืนสูงกว่าทองรูปพรรณ
ข้อเสีย
-ค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาสูงกว่าทองรูปพรรณ
-ไม่สามารถสวมใส่ได้
การลงทุนด้วยทองคำแท่ง เป็นรูปแบบที่เป็นพื้นฐานที่สุดในการลงทุนทองคำ เพราะเป็นการลงทุนในสินทรัพย์จริง ไม่เหมือนกับการกองทุนทองหรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ที่ถึงแม้เราลงทุนทองแต่ก็ไม่ได้เป็นเจ้าของทองที่เราลงทุนจริงๆ ซึ่งปกติแล้วการซื้อขายทองคำแท่งจะมีสองรูปแบบนั่นก็คือ ทองคำแท่งบริสุทธิ์ 96.5 % และทองคำแท่งบริสุทธิ์ 99.9 % โดยที่นักลงทุนนิยมซื้อขายกันจะเป็นแบบแรก (96.5%) อีกทั้งข้อดีของการลงทุนทองคำแท่งคือ เวลาขายคืนจะถูกหักราคาน้อยกว่าทองรูปพรรณ และค่าบล็อคถูกกว่าทองรูปพรรณ แถมยังไม่มีค่ากำเหน็จ หรือค่าแรงที่ใช้ผลิตทองคำอีกด้วย แต่ข้อเสียของการลงทุนทองคำแท่งก็คือ ไม่สามารถสวมใส่ได้ และมีค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษามากกว่าทองรูปพรรณ
การลงทุนทองคำแท่งนั้นส่วนใหญน้ำหนักขั้นต่ำที่ซื้อได้จะอยู่ที่ 1 บาท ไปจนถึงน้ำหนัก 1 กิโลกรัมซึ่งจะทำให้ต้องใช้เงินในการลงทุนมากกว่ารูปแบบอื่น ซึ่งถ้าอยากลงทุนในทองคำแท่งนั้นเทคนิคที่อยากแนะนำเลยก็คือ ควรจะซื้อกับร้านค้าที่มีใบรับรอง และควรจะซื้อในรูปแบบที่ซีลพลาสติกไว้ ไม่ให้มีตำหนิ เนื่องจากการมีตำหนิจะส่งผลต่อราคาในการขายคืนได้
2.ทองรูปพรรณ
ลงทุนทองคำรูปพรรณ มีข้อดีข้อเสียอย่างไร
ข้อดี
- ใช้เป็นเครื่องประดับได้
- ราคาถูกกว่าทองคำแท่ง
ข้อเสีย
- ต้นทุนการผลิตสูง
- เกิดตำหนิได้ง่าย
- ค่ากำเหน็จและค่าบล็อคสูงกว่าทองคำแท่ง
การลงทุนซื้อทองรูปพรรณเป็นรูปแบบที่เป็นที่นิยมมากที่สุด เพราะนอกจากจะเป็นสินทรัพย์ที่เก็บไว้เก็งกำไรได้แล้วนั้น ทองรูปพรรณยังจะใช้เป็นเครื่องประดับสวมใส่เพื่อแสดงฐานะทางสังคมได้อีกด้วย และอีกเหตุผลที่คนนิยมกันก็เพราะว่า ทองรูปพรรณมีราคาที่ไม่สูงนัก สามารถหาซื้อมาครอบครองกันได้ง่าย แต่สิ่งที่ต่างจากทองคำแท่ง คือ ทองรูปพรรณมีต้นทุนในการผลิตที่สูงกว่า หรือมีค่ากำเหน็จที่สูงกว่า เนื่องจากเป็นเครื่องประดับที่ต้องใช้ความชำนาญในการผลิต
โดยทองรูปพรรณที่ซื้อขายกันนั้น จะมีรูปแบบเหมือนกับทองคำแท่งนั่นก็คือ มีแบบความบริสุทธิ์ 96.5 % และ 99.9 % แต่ที่ต่างกันคือเวลาขายคืน ทองรูปพรรณจะถูกหักราคามากกว่าทองคำแท่ง!
เนื่องจากถูกใช้งานเป็นเครื่องประดับทำให้มีโอกาสที่จะเกิดตำหนิมากกว่า ซึ่งวิธีป้องกันการเกิดตำหนิของทองรูปพรรณก็คือไม่ควรใส่ใช้งานบ่อยๆ และควรเก็บไว้ในถุงผ้าหรือกล่องกันกระแทก แค่นี้ก็จะทำให้ราคาเวลาขายคืนไม่ลดลงมากครับ
3.ออมทอง
ลงทุนออมทอง มีข้อดีข้อเสียอย่างไร
ข้อดี
- ใช้เงินลงทุนน้อย 500-1,000 ก็เริ่มต้นได้
- ช่วยสร้างวินัยในการออม
- มีความปลอดภัยสูงเพราะไม่ต้องเก็บทองจริง
ข้อเสีย
- มีค่าธรรมเนียม
-ไม่สามารถเบิกทองออกมาได้ จนกว่าจะออมครบตามที่กำหนด
การออมทองจะแตกต่างจากลงทุนทองคำแท่ง หรือทองคำรูปพรรณอยู่พอสมควร เนื่องจากสองแบบแรกราคาจะกำหนดโดยน้ำหนักที่จะซื้อ แต่การออมทองนั้นคุณจะต้องกำหนดจำนวนเงินที่จะออมต่อเดือนก่อน ถึงจะได้ทองที่น้ำหนักตามจำนวนการออมนั้นๆ โดยการออมทองจะต้องออมผ่านบัญชีธนาคารหรือแอปพลิเคชันที่ใช้สำหรับออมทอง ในจำนวนที่เท่ากันทุกๆเดือน
ซึ่งการลงทุนแบบนี้จะมีลักษณะที่คล้ายกับการลงทุนแบบ DCA หรือ Dollar cast average โดยข้อดีก็คือ ไม่ว่าราคาทองจะขึ้นหรือลง คุณก็ยังจะได้กำไรเฉลี่ยที่ค่อนข้างดีในระยะยาว เพราะถ้าทองราคาขึ้นคุณก็จะมีกำไรมากขึ้น หรือถ้าราคาทองลดลงคุณก็จะสามารถซื้อได้ในปริมาณมากขึ้น ซึ่งการออมทองถึงยังมีข้อดีอีกอย่างคือ ไม่ต้องใช้เงินมากในการลงทุนแต่ละเดือน และที่สำคัญคือ ปลอดภัยสูง รวมถึงไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาอีกด้วย
4.กองทุนรวมทองคำ
ลงทุนกองทุนรวมทองคำ มีข้อดีข้อเสียอย่างไร
ข้อดี
- ได้เงินปันผล
- มีผู้เชี่ยวชาญลงทุนให้
ข้อเสีย
- มีค่าธรรมเนียมกองทุน และภาษีเงินปันผล
- มีความเสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน
การลงทุนด้วยกองทุนรวมทองคำนั้น คือการระดมเงินจากนักลงทุนเพื่อนำไปลงทุนในทองคำ โดยนักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนในการลงทุนเป็นเงินปันผล แต่ไม่ได้เป็นเจ้าของทองคำจริงๆ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วกองทุนรวมทองคำจะนำเงินไปลงทุนในทองคำแท่ง โดยผลตอบแทนจะเป็นไปตามราคาทองคำในตลาดโลก
ประโยชน์ของการลงทุนประเภทนี้คือ ไม่ต้องใช้เงินลงทุนสูง มีเงินแค่หลักพันก็ลงทุนได้ ผลตอบแทนค่อนข้างดี และมีผู้เชี่ยวชาญคอยลงทุนให้โดยไม่ต้องศึกษาเอง ส่วนข้อเสียของการลงทุนประเภทนี้คือ มีค่าธรรมเนียม ภาษีเงินปันผล และยังอาจจะมีความเสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนเข้ามาเกี่ยวข้อง
5.สัญญาซื้อขายล่วงหน้าทองคำ ( Gold Future)
ลงทุนสัญญาซื้อขายล่วงหน้าทองคำ มีข้อดีข้อเสียอย่างไร
ข้อดี
- ได้ผลตอบแทนทั้ง ราคาขึ้นและราคาลง
- ผลตอบแทนสูงมาก
ข้อเสีย
- ไม่สามารถคาดการณ์ราคาได้
- ความเสี่ยงในการลงทุนสูง
สัญญาซื้อขายล่วงหน้า คือการทำสัญญาจับคู่กันระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขายโดยสัญญาว่าจะแลกเปลี่ยนสินค้าใดในอนาคต โดยสัญญาซื้อขายล่วงหน้าทองคำ หรือ Gold Future ในประเทศไทยจะทำการซื้อขายกันผ่านตลาด TFEX และจะมีการคำนวณผลกำไรกันทุกวันทำการ
การทำกำไรด้วย Gold Future จะทำโดยการคาดการณ์ราคาทองในตลาดโลก ซึ่งถ้าฝั่งผู้ซื้อคาดว่าราคาทองจะขึ้น ผู้ซื้อก็จะกำหนดสัญญาราคาซื้อในอนาคตไว้ต่ำราคาคาดการณ์ ซึ่งจะทำให้ซื้อได้กำไรจากการซื้อถูกกว่าในอนาคต ส่วนผู้ขายถ้าคาดการณ์ว่าราคาจะก็ลง ก็อาจจะทำสัญญากำหนดราคาขายให้มากกว่าราคาคาดการณ์ โดยก็จะทำให้ผู้ขายสามารถทำกำไรจากการขายแพงกว่าในอนาคตเช่นกัน
แต่อย่างไรก็ตาม การลงทุนประเภทนี้มีความเสี่ยงในการลงทุนที่สูงมาก เพราะไม่มีใครสามารถคาดการณ์ราคาทองในอนาคตได้ แม้จะได้ผลตอบแทนมาก แต่ก็มีสิทธิจะขาดทุนมากเหมือนกัน เพราะฉะนั้นถ้าอยากลงทุนด้วยการลงทุนประเภทนี้ควรจะลงทุนอย่างรอบคอบ และควรศึกษาให้ดีก่อนที่จะลงทุน
นอกจากประโยชน์ในด้านการลงทุนแล้ว ทองคำยังสามารถให้ประโยชน์ในเรื่องสภาพคล่องได้อีกด้วย
โดยนำไปจำนำกับโรงรับจำนำที่น่าเชื่อถือ ซึ่งทองคำสามารถนำไปใช้เป็นทุนในยามฉุกเฉิน หรือนำไปใช้หมุนเวียนในธุรกิจได้
และถ้าใครกำลังมองหาโรงรับจำนำที่ ดอกเบี้ยต่ำ ราคาประเมินสูง ให้ “โรงรับจำนำแคชเอ็กซ์เพรส” ช่วยคุณสิครับ เรามีสาขาบริการเดินทางสะดวก 11 สาขา ใกล้บ้านคุณ พร้อมทั้งมีบริการประเมินทรัพย์สินออนไลน์ ฟรี!! อย่าลืมนะครับ ถ้ามองหาโรงรับจำนำ ต้องแคชเอ็กซ์เพรสเท่านั้น