โพสต์เมื่อ : 23 ธ.ค. 2565
ยุคเศรษฐกิจแบบนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดของเจ้าของกิจการ หรือคนทำธุรกิจแบบเราๆ คงหนีไม่พ้นคำว่า “สภาพคล่อง” เพราะแม้กิจการของเราจะดี ขายสินค้าได้มาก แต่ถ้าบริหารจัดการไม่ดีก็อาจจะเจอกับปัญหา “หมุนเงินไม่ทันได้” ซึ่งหนึ่งในวิธีที่จะสามารถวัดได้ว่า กิจการของเรามีสภาพคล่องเป็นอย่างไร นั่นก็คือ “วงจรเงินสด” หรือ “Cash Cycle”
วันนี้พี่แคชจะพาไปดูกันว่า วงจรเงินสดมันคืออะไรกันแน่ และควรบริหารอย่างไร ให้สภาพคล่องของธุรกิจเรา ไปต่อได้แบบไม่มีสะดุด!
วงจรกระแสเงินสด (Cash Cycle) คือระยะเวลาที่จะได้รับเงินสดจากการดำเนินการ เทียบกับระยะเวลาชำระหนี้ โดยยิ่งวงจรกระแสเงินสดสั้น สภาพคล่องของกิจการก็จะยิ่งดี
พอฟังความหมายแล้วหลายคนอาจจะงง เลยอยากอธิบายให้นึกภาพตามกันง่ายๆครับ สมมติว่าเราซื้อสินค้าจากคู่ค้าหรือ Supplier มาขาย เมื่อได้สินค้ามาแล้วก็อาจจะต้องมีระยะเวลาในการขายหรือดำเนินการ, รับเงินจากลูกค้า และนำเงินที่ได้ไปชำระหนี้
ซึ่งเราจะสังเกตได้ว่า กระบวนการเหล่านี้จะเกิดขึ้นซ้ำๆเป็นวงจร ยิ่งระยะเวลาวงจรของเราสั้นเท่าไหร่ เราก็จะมีเงินสดไว้จ่ายค่าจ้างลูกจ้าง จ่ายหนี้ที่นำมาลงทุน หรือจ่ายต้นทุนต่างๆได้ โดยไม่ต้องกังวล
วงจรกระแสเงินสดนั้นจะประกอบด้วย 3 ส่วนได้แก่ ระยะเวลาดำเนินการ, ระยะเวลาเก็บเงินจากลูกค้า และระยะเวลาจ่ายหนี้ ซึ่งสามารถนำมาคำนวณเป็นวงจรกระแสเงินสดได้ดังนี้
วงจรกระแสเงินสด = ระยะเวลาดำเนินการ + ระยะเวลาเก็บเงินจากลูกค้า - ระยะเวลาจ่ายหนี้
ตัวอย่างการคำนวณ :
นาย A ใช้เวลาผลิตสินค้าและทำการตลาดเพื่อขาย 15 วัน ใช้เวลาในการได้รับเงินจากลูกค้า 20 วัน และต้องจ่ายค่าวัตถุดิบจากเจ้าหนี้การค้าหรือ Supplier ทุกๆ 30 วัน ดังนั้นกิจการของนาย A จะมีวงจรกระแสเงินสดคือ 15 + 20 - 30 หรือเท่ากับ 5 วัน
สมมติว่าเราทำกิจการที่ต้องขายสินค้า ถ้าระยะเวลาการดำเนินการหรือขายนานเกินไป หรือกว่าจะได้รับเงินจากลูกค้าใช้เวลานาน เราก็อาจจะไม่มีเงินไปจ่ายหนี้ทัน หรือไม่มีเงินไปซื้อสินค้ามาสต็อคเพิ่ม
กลับกันถ้าเราใช้เวลาดำเนินการน้อย ขายของได้เร็ว และได้เงินจากลูกค้าทันที เราก็อาจนำเงินที่ได้ไปลงทุนขยายกิจการเพิ่มและสามารถจ่ายหนี้ได้ทันเวลา
ดังนั้นจึงสามารถสรุปได้ว่า ยิ่งวงจรกระแสเงินสดสั้นเท่าไหร่ กิจการก็จะมีสภาพคล่องเพิ่มขึ้นเท่านั้น ยิ่งน้อยจนติดลบได้ยิ่งดีเลยครับ เพราะหมายความว่า เราจะมีกระแสเงินสดเหลือ และสามารถนำเงินไปลงทุนได้ ก่อนที่จะนำไปจ่ายหนี้
การที่จะบริหารสภาพคล่องให้ดี วงจรกระแสเงินควรต้องน้อย เพราะฉะนั้นเราจึงควรบริหารส่วนประกอบของวงจรกระแสเงินสดให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดดังนี้
1.ดำเนินการให้ไว หรือลดระยะเวลาการดำเนินการให้น้อยที่สุด เพื่อที่จะนำสินค้าไปขายให้เร็วขึ้น อาจจะเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต, ทำการตลาดให้ดีขึ้น หรืออาจลดระยะเวลาการดำเนินการที่ไม่จำเป็น
2.เก็บเงินให้ไว หาวิธีเก็บเงินลูกค้าหรือลูกหนี้การค้าให้เร็วที่สุด อย่าปล่อยให้ credit term นานเกินไป หรืออาจจูงใจให้ลูกค้าชำระเร็วขึ้นด้วยส่วนลดเงินสด (Cash Discount)
3.จ่ายหนี้ให้ช้า ควรจ่ายหนี้ให้ช้าที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ซึ่งถ้ากิจการเรามี credit ดี น่าเชื่อถือ ก็อาจจะมีอำนาจต่อรองกับ Supplier ให้มีระยะเวลาจ่ายหนี้หรือ credit term ที่นานขึ้นได้
วงจรกระแสเงินสดสามารถใช้เป็นสิ่งที่บอกสภาพคล่องของกิจการได้ ยิ่งระยะเวลาวงจรกระแสเงินสดสั้นเท่าไหร่ สภาพคล่องยิ่งดี เราสามารถบริหารวงจรกระแสเงินสดให้ดีด้วยการลดระยะเวลาดำเนินการ, ลดระยะเวลาเก็บเงิน และเพิ่มระยะเวลาจ่ายหนี้ของเจ้าหนี้การค้า
และสำหรับคนทำธุรกิจที่กำลังมองหาช่องทางเปลี่ยนสินทรัพย์ ให้เป็นเงินทุนเพื่อบริหารสภาพคล่องภายในธุรกิจ โดยเฉพาะเจ้าของกิจการที่ต้องฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจในช่วงนี้ สามารถนำสินทรัพย์ที่คุณมี แวะมาได้ที่ Cash Express ทุกสาขา หรือจะนำมาประเมินราคาทางออนไลน์ได้ฟรีที่นี่เลยครับ