โพสต์เมื่อ : 1 มี.ค. 2564
เมื่อเศรษฐกิจติดขัด รายรับของธุรกิจลดลง แต่รายจ่ายยังคงเดิม สิ่งหนึ่งที่เจ้าของกิจการมักทำเพื่อให้ธุรกิจอยู่รอด คือการตัดรายจ่ายประจำในทุกเดือนอย่างเช่น เงินเดือนพนักงาน ซึ่งพี่แคชเชื่อว่าในช่วงนี้คงมีคนจำนวนไม่น้อยที่ได้รับผลกระทบ วันนี้พี่แคชเลยจะมาแนะนำวิธีรับมือเมื่อถึงวันที่เราต้องตกงานกะทันหันกันครับ
โดยก่อนจะไปลงรายละเอียด...พี่แคชขอแบ่งประเภทเงินที่คุณต้องตรวจสอบให้ดี
หลังจากตกงานกะทันหันเป็น 2 ส่วน ดังนี้ครับ
1.เงินที่เคยถูกนายจ้างหักไปในทุกเดือน เช่น เงินสมทบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD) หรือการลงทุนอื่นๆที่เราสมทบร่วมกับบริษัท : โดยต้องตรวจสอบยอดเงินทั้งหมดและเลือกว่าต้องการโอนย้ายไปลงทุนใน RMF หรือต้องการถอนออก
2.เงินชดเชยจากประกันสังคม : ตรวจสอบว่าคุณอยู่ในกรณีของการถูกเลิกจ้าง หรือลาออกเองโดยสมัครใจเพราะสัดส่วนเงินชดเชยและระยะเวลาที่จะได้รับเงินชดเชยแตกต่างกัน
สำหรับใครที่ตกงานกะทันหัน ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุยว่าให้ลาออกด้วยตนเอง หรือการถูกเลิกจ้าง สิ่งแรกที่ต้องทำ คือการตรวจสอบเงินที่เคยถูกหักไปในทุกเดือน เช่น เงินสมทบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ(PVD) หรือการลงทุนอื่นๆที่เราสมทบร่วมกับบริษัท ว่าเงินจำนวนนี้ของคุณมีอยู่เท่าไหร่
โดยหากเป็นกรณีของเงินสมทบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD) โดยปกติแล้วจะสามารถเลือกได้ว่าต้องการโอนย้ายไปที่ทำงานใหม่ ต้องการย้ายไปลงทุนใน RMF หรือต้องการถอนออก (ควรศึกษาเงื่อนไขให้ดีก่อนเพราะมีภาระทางภาษี) ให้ลองพิจารณาดูครับว่าตอนนี้เงินสำรองฉุกเฉินของคุณมีเพียงพอต่อการดำรงชีวิตระหว่างหางานใหม่หรือไม่ หากไม่...เงินจำนวนนี้ก็จะเป็นทางออกแรกที่จะช่วยประคับประคองคุณจนกว่าจะหางานใหม่ได้นั่นเอง
หลังจากนั้นพี่แคชแนะนำให้คุณตรวจสอบคุณสมบัติการรับเงินชดเชยจากประกันสังคม โดยคุณสมบัติหลักๆ มีดังนี้ครับ
คุณต้องจ่ายประกันสังคมมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 เดือน และจ่ายในช่วง 15 เดือนที่ผ่านมาก่อนว่างงาน
ต้องว่างงาน 8 วันขึ้นไป และทำการขึ้นทะเบียนว่างงานภายใน 30 วันนับตั้งแต่ลาออก โดยการลงทะเบียนของผู้ประกันตนกรณีว่างงานเลิกจ้าง/ลาออกปกติ สามารถลงทะเบียนที่เว็บไซต์ https://empui.doe.go.th/auth/index ส่วนกรณีการว่างงานเลิกจ้างจากเหตุโควิด 19 สามารถลงทะเบียนได้ที่เว็บไซต์ https://www.sso.go.th
ต้องไม่ถูกเลิกจ้างเนื่องจากการทุจริตหรือจงใจให้นายจ้างได้รับความเสียหาย
เช่น การละทิ้งหน้าที่เป็นเวลา 7 วันทำงานติดต่อกัน โดยไม่มีเหตุอันควร, การประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้นายจ้างได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง, หรือฝ่าฝืนข้อบังคับในการทำงาน เป็นต้น
หากเข้าคุณสมบัติเหล่านี้ ก็ไปดูเงื่อนไขการขอเบิกเงินทดแทน กรณีว่างงาน จากประกันสังคมกันต่อเลยครับ
สำหรับเงื่อนไขการขอเบิกเงินทดแทน กรณีว่างงานจากประกันสังคม พี่แคชขอแบ่งเป็น 2 กรณี คือ
-กรณีถูกเลิกจ้าง : ในกรณีการถูกเลิกจ้าง ลูกจ้างจะมีสิทธิ์ได้รับเงินชดเชย 50% ของค่าจ้างเฉลี่ย ไม่เกินปีละ 180 วัน โดยทางประกันสังคมจะคำนวณเงินที่คุณมีสิทธิ์ได้รับ จากฐานเงินสมทบขั้นต่ำ 1,650 บาท/เดือน และฐานเงินสมทบสูงสุด 15,000 บาท/เดือน นั่นหมายความว่าแม้ว่าคุณจะเงินเดือน 15,000 บาทขึ้นไปก็จะถูกใช้ฐานสูงสุดที่ 15,000 บาทในการคำนวณจ่าย
ยกตัวอย่างเช่น หากเงินเดือนเฉลี่ยของคุณอยู่ที่ 10,000 บาท คุณจะได้รับเงินชดเชย 50% เท่ากับ 5,000 บาท ส่วนในกรณีเงินเดือนตั้งแต่ 15,000 บาทขึ้นไป จะได้รับเงินชดเชย 50% ของ 15,000 บาทเท่ากันทั้งหมด เท่ากับว่าได้รับสูงสุด 7,500 ต่อเดือน โดยจะได้รับเงินต่อเนื่องกันไม่เกิน 6 เดือนในระหว่างการว่างงาน
-กรณีลาออกหรือหมดสัญญา : ในกรณีการลาออกหรือหมดสัญญา ลูกจ้างจะมีสิทธิ์ได้รับเงินชดเชย 30% ของค่าจ้างเฉลี่ย ไม่เกินปีละ 90 วัน โดยทางประกันสังคมจะคำนวณเงินที่คุณมีสิทธิ์ได้รับ จากฐานเงินสมทบขั้นต่ำ 1,650 บาท/เดือน และฐานเงินสมทบสูงสุด 15,000 บาท/เดือน ดังนั้นแม้ว่าฐานเงินเดือนเดิมของคุณจะได้รับเกิน 15,000 บาท แต่ก็จะถูกคำนวณจากขั้นสูงสุดที่ 15,000 บาท เช่นเดียวกันกับกรณีถูกเลิกจ้าง
ยกตัวอย่างเช่น หากเงินเดือนเฉลี่ยของคุณอยู่ที่ 10,000 บาท คุณจะได้รับเงินชดเชย 30% เท่ากับ 3,000 บาท ส่วนในกรณีเงินเดือนตั้งแต่ 15,000 บาทขึ้นไป จะได้รับเงินชดเชย 30% ของ 15,000 บาทเท่ากันทั้งหมด เท่ากับว่าได้รับสูงสุด 4,500 ต่อเดือน โดยจะได้รับเงินต่อเนื่องกันไม่เกิน 3 เดือนในระหว่างการว่างงานนั่นเองครับ
และสำหรับใครที่ถูกเลิกจ้างกะทันหัน ไม่มีเงินใช้ ต้องการเงินด่วน โรงรับจำนำ Cash Express พร้อมช่วยเหลือ ประเมินราคาออนไลน์ให้คุณตลอด 24 ชั่วโมง รู้ราคาประเมินก่อนนำทรัพย์สินมาจำนำที่หน้าร้าน สะดวก รวดเร็ว ใช้เพียงบัตรประชาชนใบเดียว สนใจประเมินราคาออนไลน์ได้ที่ https://www.cashexpress-pawn.com/estimate/login หรือหากอยากรู้ว่าอะไรจำนำได้บ้างอ่านได้ที่บทความนี้เลยครับ https://www.cashexpress-pawn.com/blog/view/28/174